ในบทที่ 1เราจะทำความเข้าใจกับภาษาศาสตร์โดยเปรียบเทียบการเรียนภาษาศาสตร์กับการเรียนภาษาลักษณะสำคัญของภาษาศาสตร์คือ เป็นเชิงวรรณนา (descriptive) เป็นวัตถุวิสัย (objective) เป็นสากลลักษณ์(universal) และ เป็นวิทยาศาสตร์ (scientific)ความเป็นเชิงวรรณนาและความเป็นวัตถุวิสัยความเป็นเชิงวรรณนา (descriptive) ตรงกันข้ามกับความเป็นเชิงบัญญัติ (prescriptive) เชิงวรรณนาหมายถึงการกล่าวบรรยายหรือพรรณาสิ่งต่างๆไปตามที่เป็นจริงๆ โดยไม่มีการชี้นำว่าสิ่งนั้นควรจะเป็นอย่างไรเวลาที่เราเรียนภาษาทั่วๆไป ลักษณะของการเรียนภาษามักจะเป็นไปในทางตรงกันข้าม คือเป็นไปในเชิงบัญญัติหมายความว่ามีการบัญญัติไว้ว่าอะไรดีหรือไม่ดี เราจะได้รับการชี้นำว่าเราควรพูดอย่างไร เขียนอย่างไรใช้สำนวนอย่างไร เปลี่ยนรูปคำนามอย่างไร ใช้ลักษณนามอย่างไร สะกดคำอย่างไร เรียงประโยคอย่างไร ฯลฯแสดงว่าในมุมมองเช่นนี้จะต้องมีลักษณะของภาษาที่ “ดี” “สวยงาม” “ถูกต้อง” อยู่แล้วเป็นอุดมคติ เมื่อเราใช้ภาษาไม่ตรงตามอุดมคตินี้ เราก็จะได้รับการวิจารณ์ว่าภาษาของเรา “ไม่ดี” “ไม่งาม” “ไม่ถูกต้อง”แล้วก็ได้รับการชี้นำต่อมาว่าเราควรจะใช้ภาษาอย่างไรการมองสิ่งต่างๆตามที่มันเป็นจริงๆโดยไม่เอาความรู้สึกส่วนตัว (หรือแม้แต่ความรู้สึกของคนส่วนรวมในสังคม)มาตัดสินคุณค่าว่าดีหรือไม่ดี ก็คือวัตถุวิสัย (objective) ตรงกันข้ามกับการมองสิ่งต่างๆโดยมีการตัดสินคุณค่าตามความรู้สึกส่วนตัวที่เรียกว่าอัตวิสัย (subjective)สาเหตุที่การเรียนภาษามักจะเป็นไปในเชิงบัญญัติก็เพราะ เวลาที่เรียนภาษาเรามักเรียนไปเพื่อนำภาษานั้นๆไปใช้สื่อสารโดยตรง อาจจะเป็นฟัง พูด อ่าน เขียน ทักษะใดทักษะหนึ่งหรือหลายทักษะรวมกัน ทำให้จำเป็นต้องมีการชี้นำให้เราใช้ภาษาในมาตรฐานที่สังคมกำหนดและยอมรับว่าเหมาะสม